รูปภาพสวยๆ ของคนน่ารัก

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เรื่องย่อวรรณกรรมอีสาน

เรื่องย่อวรรณกรรมอีสาน
นำเสนอโดย ครูวัฒน ศรีสว่าง โรงเรียนสว่างวีระวงศ์ อุบลราชธานี

๑. กาฬเกษ
อักษรธรรม ๑ ผูก วัดแสงเกษม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี

             ณ เมืองพาราณสี มีกษัตริย์นามว่าสุริวงษ์ และมเหสีนามว่า กาฬ และท้าวสุริวงษ์มีม้ามณีกาบ ซึ่งเป็นม้าวิเศษเป็นพาหนะคู่บารมี  ครั้งหนึ่งท้าวสุริวงษ์ได้ลามเหสีและชาวเมืองไปเรียนวิชาอาคม โดยมีม้ามณีกาบเป็นพาหนะไปพบกับพญาครุฑ และยักษ์กุมภัณฑ์   ต่อมาได้เป็นสหายกันและพระองค์ก็เรียนศาสตรศิลป์กับพระฤาษีจนสำเร็จ  แล้วกลับมาปกครองเมืองต่อไป
           เมื่อท้าวสุริวงษ์กลับมาครองเมืองแล้ว ก็ต้องการจะมีบุตรชายเพื่อเอาไว้สืบราชสมบัติแทนพระองค์ ดังนั้นจึงทำพิธีขอลูกกับพระอินทร์ พระอินทร์ได้ส่งเทพบุตรกับเทพธิดาลงมาเกิดในเมืองมนุษย์ เพื่อให้เป็นคู่สามีภรรยากัน โดยเทพบุตรองค์หนึ่งมาเกิดในท้อง นางกาฬ มเหสีของท้าวสุริวงษ์ เมื่อนางกาฬประสูติออกมาเป็นชาย ชื่อว่ากาฬเกษ กาฬเกษกุมารนี้ได้เจริญเติบโต มาเป็นลำดับ ครั้งหนึ่งเข้าไปเล่นในโรงม้า อันเป็นที่อยู่ของม้ามณีกาบ ได้แอบขึ้นขี่ม้า แล้วม้ามณีกาบก็พากาฬเกษกุมารเหาะไปในอากาศออกจากเมืองมุ่งเข้าป่าหิมพานต์  ขณะที่ท้าวกาฬเกษหนีออกจากเมืองนั้น ได้พบกับนกสาริกาคู่หนึ่ง จึงได้สั่งความให้กลับไปบอกท้าวสุริวงษ์ด้วยว่าจะออกไปเที่ยวในป่าถึง ๓ ปี แล้วจะกลับมา   เมื่อสั่งความแล้วก็เดินทางต่อไปจนเข้าเขตเมืองผีมนต์ของท้าวผีมนต์ และนางมาลีทอง ได้พักอยู่นอกเมือง   พบกับชาวเมืองที่ออกมาหาฟืนแล้วได้ทราบว่าท้าวผีมนต์มีลูกสาวสวยชื่อ มาลีจันทน์ จึงพยายามจะไปพบนางในสวนดอกไม้ เมื่อนางมาลีจันทน์มาชมสวน  ท้าวกาฬเกษจึงเข้าไปหา แล้วชอบพอรักใคร่กัน ดังนั้นเมื่อตอนกลางคืนจึงแอบเข้าไปหานางเป็นเวลานาน ต่อมาท้าวผีมนต์สืบได้จึงทำหอกยนต์ดักยิง ขณะที่ท้าวกาฬเกษแอบเข้าไปนั้น  พระองค์ได้ถูกหอกยนต์ตายลง แต่ก่อนจะตายท้าวเธอได้สั่งว่าอย่าเผาศพ ให้เอาใส่แพลอยน้ำไป นางมาลีจันทน์  ได้ปฏิบัติตามที่ท้าวกาฬเกษสั่งทุกประการ     ศพของท้าวกาฬเกษลอยทวนกระแสน้ำจนไปถึงอาศรมพระฤาษี   แล้วพระฤาษีมาพบเข้าจึงร่ายมนต์ชุบชีวิตให้ฟื้นขึ้นมา ท้าวกาฬเกษคืนมาแล้วจึงเรียนศาสตรศิลป์อยู่กับพระฤาษี   จนสำเร็จแล้วลาพระฤาษีกลับไปหานางมาลีจันทน์ใหม่ ท้าวผีมนต์ทราบข่าวอีกจึงเกิดรบกัน  ในที่สุด ท้าวผีมนต์จึงแพ้  ยกเมืองและลูกสาวคือนางมาลีจันทน์ให้แก่ท้าวกาฬเกษ ๆ อยู่ที่นั่นไม่นานก็พานางมาลีจันทน์เดินทางต่อไปอีก       ในการเดินทางต่อนี้ ยักษ์หลายเมืองเช่น ยักษ์ชื่อสาระกัน ชื่อคันธะยักษ์  และยักษ์ขีนีสาระกาย ต่างต้องการจะให้ท้าวกาฬเกษอยู่ครองเมือง แต่ท้าวกาฬเกษยังต้องการเดินทางต่อไป     หลังจากเดินทางตามที่ต้องการแล้ว ในที่สุดท้าวกาฬเกษก็รับนางมาลีจันทน์ ไปครองเมืองพาราสี สืบต่อไป
      
      
๒. กำพร้าผีน้อย
อักษรธรรม ๑ ผูก วัดโนนกุง ต. นาคำ อ. ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี

            ที่เมืองแห่งหนึ่งมีเด็กน้อยคนหนึ่งกำพร้าพ่อและแม่  ได้เที่ยวขอทานเขากินจนโตเป็นหนุ่มแล้วจึงออกจากเมือง    มาทำนาทำไร่ ณ ที่แห่งหนึ่ง เมื่อข้าวพืชงอกงามขึ้น ได้มีสัตว์ต่างๆ มากิน  แม้จะไล่อย่างไรก็ไม่ไหว เอาอะไรมาทำเครื่องดักก็ยังขาดหมด จึงไปขอเอาสายไหม จากย่าจำสวน (คนสวนของพระราชา) มาทำจึงจับได้ช้าง ช้างเมื่อถูกจับได้กลัวตายจึงร้องขอชีวิตและบอกว่าจะให้ของวิเศษถอดงาข้างหนึ่งให้ ท้าวกำพร้าผีน้อยจึงปล่อยไปแล้วเอางาช้างมาไว้ที่บ้าน  ต่อมาท้าวกำพร้าดักได้เสือ เสือก็ยอมเป็นลูกน้อง  โดยบอกว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนจะมาช่วย ต่อมาจับได้อีเห็น อีเห็นก็ยอมเป็นลูกน้อง เช่นเดียวกันกับเสือ ต่อมาจับพญาฮุ้ง (นกอินทรีย์) พญาฮุ้งก็ยอมเป็นลูกน้องอีก และตัวสุดท้ายจับได้คือผีน้อยที่มาขโมยกินปลาที่ไซ ผีน้อยก็ยอมเป็นลูกน้อง เมื่อท้าวกำพร้าได้งาช้างมาแล้วก็เอามาไว้ที่บ้าน ในงาช้างนั้นได้มีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อสีดา อาศัยอยู่ นางได้ออกมาทำอาหารไว้รอท้าวกำพร้า ต่อมาท้าวกำพร้าจับนางได้จึงทุบงาช้างนั้น เพื่อจะไม่ให้นางหลบเข้าไปอยู่อีก นางจึงอยู่กินเป็นสามีภรรยากันตั้งแต่นั้นมา   ความสวยงามของสีดา ได้ยินไปถึงพระราชา เมื่อพระราชาเห็นแล้วก็รักใคร่จึงจะยึดเอาแต่ก็กลัวคนจะติเตียน จึงท้าท้าวกำพร้าทำการแข่งขันต่างๆ โดยถ้าท้าวกำพร้าแพ้จะยึดนางสีดามา    แต่ถ้าพระองค์แพ้จะยอมยกเมืองให้ครึ่งหนึ่ง การแข่งขันนั้นคือ ชนวัว  ชนไก่  แข่งเรือ แต่ปรากฏว่าท้าวกำพร้าชนะทุกครั้ง เพราะในการชนวัวนั้น เสือแปลงเป็นวัวมาช่วยท้าวกำพร้า   ชนไก่นั้นอีเห็นแปลงเป็นไก่มาช่วย กัดไก่ของพระราชาตาย ในการแข่งขันเรือนั้นพญาฮุ้งมาเป็นเรือและได้ทำให้เรือพระราชาล่มแล้วกินคนทั้งหมด   เมื่อพระราชาตายแล้วได้รวมหัวกับบ่างลั่วตัวหนึ่ง โดยให้บ่างลั่วร้องเรียกวิญญาณของนางสีดามา โดยร้องครั้งแรกนางก็ไม่สบาย ครั้งที่สองสลบไป ครั้งที่สามจึงตายวิญญาณของนางจึงมาอยู่กับพวกผีพระราชา  ส่วนท้าวกำพร้าปรึกษากับผีน้อย ผีน้อยบอกว่าอย่าเพิ่งเผา  จะตามไปดูวิญญาณของนางอยู่ที่ใด   เมื่อผีน้อยตามไปทราบเรื่องทั้งหมดแล้วจึงวางแผนจะจับบ่างลั่วตัวนั้น  จึงเข้าไปตีสนิทกับบ่างลั่วแล้วสานข้อง (ที่ใส่ปลา)   ครั้งแรกสานด้วยไม้ใผ่แล้วให้บ่างลั่วเข้าไปข้างใน   แล้วให้ยันดูปรากฏว่าข้องแตก   จึงสานด้วยลวด แล้วบอกให้บ่างลั่วเข้าไปดูแล้วบอกให้ยันดู  ปรากฏว่าข้องไม่แตกจึงรีบหาฝามาปิดแล้วรีบเอามาให้ท้าวกำพร้าบังคับให้บ่างลั่วร้องเรียกเอาวิญญาณนางสีดากลับคืนมาไม่เช่นนั้นจะฆ่าเสีย  บ่างลั่วจึงร้องเรียกเอาวิญญาณนางกลับมา โดยร้องครั้งแรกก็เคลื่อนไหว      ครั้งที่สองฟื้นขึ้น ครั้งที่สามหายเป็นปกติทุกอย่าง พอทุกอย่างปกติแล้วท้าวกำพร้าจึงหลอกว่าขอดูไอ้ที่ร้องเอาวิญญาณคนได้ไหม บ่างลั่วจึงแลบลิ้นออกมาให้ดู ท้าวกำพร้าจึงตัดลิ้นบ่างลั่วนั้นเสีย เพราะกลัวมันจะร้องเอาวิญญาณไปอีก บ่างลั่วจึงร้องไม่ชัดตั้งแต่นั้นมา ส่วนท้าวกำพร้ากับนางสีดา ได้ปกครองเมืองแทนพระราชาที่ตายนั้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น